Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
อาฟเตอร์ช็อก "การเมือง" รับสร้างบ้านแบรนด์ "WISE" งัดกลยุทธ์ "ถอยเพื่อรุก" |
|
"ผมยอมรับว่าปัญหาการเมืองในขณะนี้ ส่งผลต่อจิตวิทยาผู้บริโภคค่อนข้างมาก ลูกค้าหลายรายชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านออกไป เพื่อขอรอดูสถานการณ์ก่อน" ภพศักดิ์ ปานสีทอง เจ้าของบริษัท ไวส์ คอนซัลแทนท์ พูดเปิดอกวันแถลงข่าวในโรงแรมใหญ่ใจกลางเมือง เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา
จากเดิม "ภพศักดิ์" ค่อนข้างมั่นใจว่า ปี 2549 ภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะพอไปไหว!
แม้จะเจอแรงกดดันจากปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งราคาน้ำมันแพงมหาโหดและดอกเบี้ยช่วงขาขึ้น
โดยส่วนตัวเขาพยายามปลอบใจตัวเองมาตลอดว่า เสถียรภาพทางการเมืองในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทยเป็นใหญ่ น่าจะข้ามถึงฝั่งฝันได้ในสมัยที่ 2
แต่เหตุการณ์กลับพลิกล็อกอย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะการประกาศ "ยุบสภา" และลามไปถึงความขัดแย้งของขั้วการเมืองที่นักธุรกิจในวงกว้างต่างหวาดหวั่นว่า
อาจจะบานปลายถึงขั้นนองเลือด ! หากไม่มี "ใครยอมใคร"
ที่สุดเมื่อความจริงปรากฏตรงหน้า ทำให้วิศวกรหนุ่มวัยกลางคนคนนี้ ต้องปรับแผนลงทุนและปรับแผนด้านการตลาดใหม่ทั้งหมด เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงด้วยประการทั้งปวง
ตามแผนปีนี้ไวส์ฯ ขีดเป้าหมายตัวเองจะลงทุนสร้างโปรดักต์ใหม่ๆ วางตลาด
โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์นำร่อง "สตองวอลล์" นวัตกรรมผนังรุ่นใหม่ที่จดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้วชื่อว่า "ระบบผนังสตรองวอลล์" (Strong Wall) ที่เขามั่นใจเหลือเกินว่า ระบบผนังดังกล่าวจะเสริมความแข็งแกร่งและทนทานให้กับตัวบ้านของลูกค้าได้มากและถือเป็นทางเลือกใหม่ของวงการรับสร้างบ้าน
โดยมีจุดขายว่า สตรองวอลล์จะช่วยลดการแตกร้าวจากแรงสั่นสะเทือนในแนวราบได้ เช่น เสียงและน้ำหนักรถวิ่งบนท้องถนนและแรงสั่นสะเทือนอันเกิดจากแผ่นดินไหว
"แม้ต้นทุนผมจะเพิ่มขึ้นอีก 3% เมื่อใช้สตรองวอลล์ แต่ถ้าชั่งน้ำหนักเรื่องการบำรุงรักษา ผมว่าคุ้ม"
"ที่สำคัญยังช่วยให้การก่อผนังง่ายขึ้น โดยใช้ได้กับอิฐมอญหรืออิฐมวลเบา"
นอกจากนี้ภพศักดิ์ยังวางแผนขยายสาขาออฟฟิศรับสร้างบ้านอีก 2 ทำเลใหม่ในย่านบางนาและพัทยา เพื่อรองรับกำลังซื้อที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกับสนามบินใหม่สุวรรณภูมิ
เผอิญว่า แนวโน้มความรุนแรงของสงครามการเมืองในประเทศไทยที่ดูแล้วอาจจะยืดเยื้อ เพราะมองไม่เห็นข้อยุติในการผ่าทางตัน เจ้าของบริษัทไวส์ฯจึงเลือกที่จะเพลย์เซฟด้วยวิธีง่ายๆ ก่อน
อาทิ ตัดงบฯโปรโมตออกไปก่อนนิดหน่อย จากเดิมวางไว้ 12 ล้าน และตัดงบฯตกแต่งสาขาใหม่อีก 40% หรือราว 3-4 ล้านบาท ส่วนงบฯลงทุนขยายสาขาที่ตั้งไว้ 7-10 ล้านยังคงต้องเดินหน้าต่อไป
"เราไม่ถึงกับหยุดทีเดียว แต่สถานการณ์ตอนนี้เราต้องระมัดระวัง ผมว่าเป็นกันทุกคน" ภพศักดิ์ขยายความ
เนื่องเพราะไวส์ฯวางเป้าหมายลูกค้าในเซ็กเมนต์ตลาดระดับบน แม้ลูกค้ากลุ่มนี้จะมีเงินสดอยู่ในมือ แต่เหตุบ้านการเมืองพลิกวันต่อวัน เศรษฐีก็อาจทำใจด้วยการจับจ่ายใช้สอยให้น้อยลง
ที่สำคัญแผนแตกไลน์ที่จะเข้าสู่ธุรกิจจัดสรรในย่านทำเลใหม่พระราม 5 กับพุทธมณฑลนั้น เขาย้ำว่า "คงต้องรอไปก่อน" แม้ข้อมูลจากการเซอร์เวย์ตลาด จะพบว่า ย่านทำเลนี้มีลูกค้าของไวส์ฯ "สั่งสร้างบ้าน" มากที่สุดก็ตาม
โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่สร้างบ้าน 3-6 ล้านบาทขึ้นไป และนิยมชมชอบพื้นที่ใช้สอยขนาด 300 ตารางเมตรอัพ
แต่การคิดหารายได้ใหม่จากโครงการจัดสรรจำเป็นต้องพักไปก่อนสักระยะ แล้วหันมามุ่งใช้ความถนัดของตัวเองในการทำธุรกิจรับสร้างบ้านตามออร์เดอร์อย่างเดียว โดยโชว์แบบบ้านให้ลูกค้าเลือกมากถึง 200 แบบเป็นจุดขาย
ถ้าโชคเข้าข้าง อาจมีเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรบางยี่ห้อ คงจะเรียกไวส์ให้เข้าไปรับเหมางานก่อสร้างหมู่บ้านแทนก็ได้
แต่เมื่อความไม่เชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจเริ่มเกิดขึ้น ทั้งไวส์ฯและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายก็จำเป็นต้องปรับแผนปรับตัวใหม่
"แต่ผมยังคิดจัดโปรโมชั่นอยู่ คาดว่าไม่เกินเดือนเมษายนี้คงจะมีแคมเปญใหม่ออกมากระตุ้นตลาด พร้อมกับเร่งสร้างแบรนด์ WISE อย่างต่อเนื่อง"
เพื่อรักษาอัตราการเติบโตให้คงไว้ที่ 10-15% ด้วยมูลค่ายอดขายต่อปีกว่า 300 ล้านบาท
"สถานการณ์การเมืองเกมโอเวอร์เมื่อไหร่ เมื่อนั้นผมลุยแผนลงทุนใหม่ทันที" ภพศักดิ์ย้ำตบท้าย
แต่การโหมจัดอีเวนต์กระตุ้นยอดนั้น ไวส์ฯจะขอโปรยเงิน 15 ล้านบาทหว่านไปก่อน หลังจากดีดลูกคิดกดงบฯแบบเขียมสุดแล้ว
เพราะการแข่งขันในธุรกิจนี้ "หยุดนิ่ง" ไม่ได้!
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 09-03-2549
|
|
|
|
|