|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| "รถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย" ป่วน ผลชิงดำผู้ว่าการ รฟม.สะดุด |
|
ปฏิบัติการประกาศยุบสภาแบบสายฟ้าแลบของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี ทำให้นักลงทุนฝันค้างไปตามๆ กัน เพราะต่างรอคอยโครงการรถไฟฟ้า หนึ่งในเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาลที่กำลังจะเปิดให้ต่างชาติลงทุน
เมื่อเป็นแค่ "รัฐบาลรักษาการ" เมกะโปรเจ็กต์ทั้งมวลจึงได้รับผลกระทบเต็มๆ
เพราะรัฐบาลรักษาการตามมารยาทจะไม่มีอำนาจอนุมัติโครงการใดๆ ส่วนโปรเจ็กต์รถไฟฟ้าจะถึงขั้นนับหนึ่งใหม่หรือไม่นั้นต้องรอดู !
หากไทยรักไทยสามารถเข้ามาเป็นรัฐบาลเหมือนเดิม แน่นอนว่าโครงการนี้คงได้รับการสานต่ออย่างไร้กังวล แต่ถ้าการเมืองเกิดพลิกล็อก ไม่เพียงแต่ภาคเอกชนจะขนหัวลุกเท่านั้น ชาวบ้านที่เคยรอความหวังก็คงหน้าเหี่ยวไปตามๆ กัน
เพราะกระแสลงทุนสร้างที่อยู่อาศัยเกาะแนวรถไฟฟ้าเป็นเทรนด์ที่มาแรงสุดๆ ดีเวลอปเปอร์ชั้นแนวหน้าต่างใช้เป็นจุดขายและเป็นกุญแจต่อยอดธุรกิจ ทำให้การขายโครงการในกระดาษเปล่าถึงขายดีนักหนา ทั้งแนวบีทีเอสและรถใต้ดิน
เอกชนคาดหวังอย่างมากกับส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าที่รัฐบาลมีแผนจะทำอีก 10 สายทาง คือ สายสีแดงเข้ม (รังสิต-มหาชัย) ระยะทาง 65 กิโลเมตร สายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-สุวรรณภูมิ) ระยะทาง 50 กิโลเมตร สายสีเขียวเข้ม (บางหว้า-สะพานใหม่) ระยะทาง 19 กิโลเมตร สายสีเขียวอ่อน (พรานนก-สุมทรปราการ) ระยะทาง 24 กิโลเมตร
สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระและหัวลำโพง-บางแค) ระยะทาง 27 กิโลเมตร สายสีส้ม (บางกะปิ-บางบำหรุ) ระยะทาง 24 กิโลเมตร สายสีม่วง (บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ) ระยะทาง 43 กิโลเมตร สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-ศรีนครินทร์-สำโรง) ระยะทาง 32 กิโลเมตร สายสีชมพู (ปากเกร็ด-สุวินทวงศ์) ระยะทาง 33 กิโลเมตร และสายสีน้ำตาล (บางกะปิ-สุวินทวงศ์) ระยะทาง 9.5 กิโลเมตร
ที่ผ่านมามีบางรายได้ลงทุนซื้อที่ดินตุนไว้ตามเส้นทางรถไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อการเมืองพลิกผัน เศรษฐกิจโดยรวมไม่เป็นใจ เอกชนจึงใจแป้วและไม่มั่นใจกับเหตุการณ์วันข้างหน้า
ไม่ใช่แค่นักพัฒนาที่ดินเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ กลุ่มผู้รับเหมาหรือแม้แต่ผู้ผลิตและเอเย่นต์วัสดุก่อสร้าง ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถไฟฟ้าต่างก็ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า เพราะแผนงานที่เคยวาดไว้ต้องหยุดไปโดยปริยาย จากที่เคยคาดการณ์ว่าปีนี้จะมีรายได้จากการเปิดประมูลโครงการเมกะโปรเจ็กต์ และประเมินว่าจะมีรายได้จากส่วนนี้เท่าไหร่ ต้องมาประเมินใหม่ยกแผง และอาจจะต้องประเมินไปถึงปีหน้าด้วย
"ตอนนี้ผู้รับเหมาโดยเฉพาะรายที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯอย่าง ช.การช่าง อิตาเลียนไทย ซิโน-ไทยฯ ต้องมาประเมินรายได้กันใหม่ เพราะเดิมทีจะประมาณการไว้ว่าเปิดประมูลเมกะโปรเจ็กต์แล้ว คาดว่าจะได้กี่โครงการและมีรายได้เท่าไหร่ เพราะ จะเปิดให้ยื่นซองวันที่ 28 เมษายน ปีนี้น่าจะรู้แล้วว่าใครที่ได้งานไหนบ้าง ต้องมาประเมินใหม่หมด เพราะต้องยื่นให้ตลาดหลักทรัพย์ฯดูทุกไตรมาส" แหล่งข่าวจากวงการรับเหมาก่อสร้างกล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ"
"ตอนแรกโครงการยิ่งไม่ชัดเจนอยู่แล้วในด้านต่างๆ และมีแนวโน้มจะเลื่อนเปิดประกวดราคา ยิ่งมาเจอกับสถานการณ์การเมืองอย่างนี้ ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุน ต้องคิดทบทวนเหมือนกัน เพราะยังไม่รู้ว่าการเมืองต่อจากนี้ไปจะเป็นแบบไหน และโครงการเมกะโปรเจ็กต์จะถูกนับหนึ่งใหม่หรือไม่" แหล่งข่าวจากรับเหมากล่าว
หรือแม้แต่การสรรหาผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) คนใหม่ ที่เพิ่งปิดรับสมัครไปเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 ที่ผ่านมา อาจต้องเจอโรคเลื่อนตามไปด้วย ท่ามกลางกระแสการเมืองที่ปั่นป่วนอยู่ในขณะนี้
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 02-03-2549
|
|
|
|
|
