Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
แบงก์ชี้ตลาดบ้านปี49ยังปิ๊ง เน้นปล่อยกู้จัดสรรรายกลาง |
|
นายแบงก์ฟันธงสภาพคล่องตลาดเงินลด แต่อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านทั้งปีน่าจะขยับขึ้นไม่เกิน 1% ชี้อสังหาฯยังสดใสแต่บ้านใหม่อาจชะลอตัว เหตุจากปรับราคาเพิ่ม และคนซื้อมีบ้านมือสองเป็นตัวเลือก ชี้การดึงทุนต่างชาติเข้ามาเสริมฐานการเงินกลายเป็นกระแสที่กำลังมาแรงแทนกู้แบงก์ ออกหุ้นกู้ ผุดพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์
ผู้สื่อข่าวรายงานจากงานสัมมนา "อสังหา
ริมทรัพย์ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจปี 2006" ของ 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2549 ที่ผ่านมาว่า ภาครัฐและเอกชนต่างมีความเห็นสอดคล้องกันว่าแม้อัตราดอกเบี้ย มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นแต่น่าจะอยู่ในระดับไม่เกิน 0.75-1% โดยอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้าชั้นดี หรือ MLR จะอยู่ที่ 7.75-8% ซึ่งอยู่ในระดับที่ผู้บริโภคยอมรับได้และความต้องการซื้อบ้านยังมีต่อเนื่อง ที่น่าห่วงคือปีนี้สถาบันการเงินจะเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า สถานการณ์ของตลาดเงิน-ตลาดทุนในปีนี้ สภาพคล่องถูกดูดซับออกไปจำนวนมาก ทำให้แบงก์หันมาแย่งลูกค้าเงินฝากกันเอง
โดยแบงก์เล็กจะให้ดอกเบี้ยที่แพงกว่าเพื่อเป็นแรงจูงใจให้ลูกค้ามาฝากเงิน ขณะที่แบงก์ใหญ่ไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ จากแนวโน้มดอกเบี้ยที่จะปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.75-1% ในส่วนของผู้ซื้อบ้านอาจต้องรีบซื้อรีบตัดสินใจซื้อ และรีบยื่นขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เพื่อให้ได้สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยคงที่ในระยะยาว
ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2549 ในส่วนของบ้านใหม่อาจจะชะลอตัวลงบ้าง อันเป็นผลมาจากราคาที่เพิ่มสูงขึ้น และมีบ้านมือสองเข้ามาเป็นตัวเลือก ส่วนโครงการเปิดตัวใหม่ในปีนี้น่าจะลดลงจากปี 2548 เพราะต้นทุนวัสดุก่อสร้างยังอยู่ในระดับสูง แม้จะเริ่มทรงตัวอีกครั้ง โดยสินค้าที่จะมีมากขึ้นในปีนี้จะเป็นคอนโดมิเนียมระดับกลาง-ล่าง เนื่องจากผู้ประกอบการหันมาพัฒนาโครงการในระดับราคา 1-5 ล้านบาท/ยูนิตมากขึ้น
นายขรรค์กล่าวว่า ตนเชื่อว่าความต้องการ ที่อยู่อาศัยยังมีอยู่ต่อเนื่อง วัดได้จากตัวเลขการปล่อยสินเชื่อบ้านของธนาคารในเดือนมกราคม 2549 ซึ่งปล่อยได้ทั้งสิ้น 8,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2548 ที่ปล่อยได้ 7,000 ล้านบาท ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์คาดว่าจะปล่อยได้ 11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ปล่อยได้ 8,000 ล้านบาท สำหรับยอดปล่อยสินเชื่อในปี 2549 ทั้งปี ธอส.ตั้งเป้าไว้ที่ 1.1 แสนล้านบาท
"เรามั่นใจว่าจะสามารถปล่อยกู้ได้ตามเป้า เนื่องจาก พ.ร.บ.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ฉบับใหม่ที่เพิ่งประกาศใช้ ทำให้สามารถปล่อยกู้ได้ทั้งเพื่อ ที่อยู่อาศัยและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายภายในบ้าน โดยบริการรูปแบบใหม่จะเปิดให้บริการได้ในปีนี้"
นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูลย์ ประธานสมาคม สินเชื่อที่อยู่อาศัย กล่าวว่า ในอดีตตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทยมีการขยายตัวน้อยมากเมื่อเทียบกับสินเชื่อธนาคาร แต่ได้มีการขยายเพิ่มขึ้นหลังวิกฤตเศรษฐกิจ โดยปีที่ผ่านมาตลาดตราสารหนี้และหุ้นกู้เพิ่มขึ้นถึง 60% ส่วนอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ถือว่าอยู่ในภาวะปกติมากกว่าช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีแนวโน้มจะขยับสูงขึ้นอีกจากปัจจัยหลายด้าน อาทิ ดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคารในช่วง 14 วัน หรือ R/P, ดอกเบี้ยเงินฝาก, สภาพคล่อง, ดอกเบี้ยต่างประเทศ, เงินเฟ้อ, หนี้ภาครัฐและการใช้จ่ายของรัฐ, การขยายตัวของเศรษฐกิจ, การขาดดุลการค้า และการไหลเข้าของเงินทุน เป็นต้น
ปีนี้มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับดอกเบี้ยขึ้นอีกอย่างน้อย 2 ครั้ง ซึ่งคาดว่าจะไม่เกิน 1% ขณะที่ภาวะเงินเฟ้อน่าจะลดลงหลังเดือนกรกฎาคม แต่หากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมเงินเฟ้อให้ต่ำกว่า 5.8% ได้อัตราดอกเบี้ยก็อาจจะปรับขึ้นไปอีก
นางลดาวัลย์ ธนะธนิต ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันแหล่งเงินทุนของธุรกิจอสังหาฯมาจาก 3 แหล่งหลักๆ คือ การออกหุ้นกู้, กู้ธนาคารพาณิชย์ และจากพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ ส่วนที่กำลังเป็นกระแสมาแรงคือ การหาผู้ร่วมทุนจากต่างประเทศเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งด้านการเงิน
ในแง่การปล่อยสินเชื่อของธุรกิจอสังหาฯ ปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการที่รวดเร็วขึ้น ทั้งในส่วนของการปล่อยกู้โครงการและสินเชื่อรายย่อย โดยปัจจุบันมูลค่าสินเชื่อผู้ประกอบการอสังหาฯคงค้างทั่วประเทศมี 1.9 แสนล้านบาท และปล่อยใหม่ถึงไตรมาสที่ 4/2548 ที่ 9.5 พันล้านบาท ต่ำกว่าปี 2547 ประมาณหมื่นกว่าล้านบาท
สำหรับธนาคารกรุงเทพ มีสัดส่วนการปล่อยกู้คิดเป็น 12-14% ทั้งสินเชื่อรายย่อยและผู้ประกอบการจากสินเชื่อที่ปล่อยไปทั้งหมด โดยเป็นการปล่อยกู้ให้ลูกค้ารายเดิมมากกว่า ส่วนรายใหม่มีการพิจารณาที่เข้มงวดมากขึ้น
"การปล่อยสินเชื่อของทุกสถาบันการเงินในเวลานี้อยากได้ลูกค้าขนาดกลาง-เล็กเป็นฐาน มากกว่าลูกค้าขนาดใหญ่ เพราะอสังหาฯเป็นสิ่งที่ผูกขาดไม่ได้ ดังนั้นเราจะต้องทำให้ธุรกิจนี้ไม่ผูกขาด เพราะจะกระทบกับผู้บริโภคได้ สำหรับผู้ประกอบการจะต้องรู้จักการบริหารจัดการ โดยหัวใจในการทำธุรกิจอสังหาฯยังอยู่ที่ทำเลที่ตั้งเหมือนเดิม"
ทั้งนี้ จากที่กำลังซื้อของผู้บริโภคในปัจจุบันยัง มีอยู่ คาดว่าธุรกิจอสังหาฯในปีนี้น่าจะขยายตัว 5-10% หรือคิดเป็นจำนวนยูนิต 7-8 หมื่นยูนิต แต่ขึ้นอยู่กับการเติบโตของจีดีพี ที่น่าจะอยู่ในระดับ 5% ด้วย
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 27-02-2549
|
|
|
|
|