Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
สหชาติ ธันยามาศรัตน์ จาก "วิสุทธานี" ถึง "The Primary" โตเงียบตลาดอสังหาฯโซนตะวันออก |
|
สัมภาษณ์
เอ่ยชื่อ "บริษัท กรุงเทพพัฒนา ซีเอ็มเอส จำกัด" คนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์อาจจะใช้เวลาทบทวนความจำหาข้อมูลอยู่นานโข แต่หากบอกชื่อ "บริษัท วิสุทธานี จำกัด" หลายคนคงถึงบางอ้อและรู้จักดีเวลอปเปอร์รายนี้เป็นอย่างดี อย่างน้อยก็คร่ำหวอดอยู่ในวงการพัฒนาที่ดินมานานกว่า 20 ปี และเห็นผลงานปรากฏมากมาย ทั้งโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และบ้านพักตากอากาศตามเมืองท่องเที่ยวทั่วไป
ปัจจุบัน "กรุงเทพพัฒนา ซีเอ็มเอส" อยู่ภายใต้การบริหารงานของทายาทรุ่นที่ 2 ตระกูล "ธันยามาศรัตน์" อันเป็นภารกิจสำคัญในการปลุกปั้น แบรนด์ "The Primary" ให้เป็นที่รู้จักและเข้าไปนั่งในความทรงจำของคนซื้อบ้านได้
"ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "สหชาติ ธันยามาศรัตน์" เอ็มดีหนุ่มไฟแรง เพื่อบอกถึงที่มาของบริษัทใหม่ โปรเจ็กต์ใหม่ บนถนนเกษตร- นวมินทร์ มูลค่ากว่า 250 ล้านบาท อันเป็นก้าวที่ท้าทายในช่วงตลาดขาลง
- บริษัทใหม่เป็นมายังไง
...บริษัท กรุงเทพพัฒนา ซีเอ็มเอส จำกัด เดิมชื่อบริษัท วิสุทธานี จำกัด ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และรับบริหารงานขายในโครงการต่างๆ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ บ้านพักตากอากาศที่จังหวัดระยอง
ล่าสุดบริหารงานขายให้กับโครงการฝักข้าวโพด จำนวน 3 อาคาร 960 ยูนิต ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดขึ้นภายใต้นโยบายของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และในปี 2546 ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ ปัจจุบันตระกูล "ธันยามาศรัตน์" ถือหุ้นใหญ่สุด และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "กรุงเทพพัฒนา ซีเอ็มเอส"
- ทำแฟลตข้าวโพด ประสบการณ์คงมาก
เราก็ได้เรียนรู้จากประสบการณ์มาเยอะ ตอนนี้โครงการฝักข้าวโพดสร้างเสร็จหมดแล้ว ปิดการขายและโอนให้กับลูกค้าเรียบร้อย ความจริงโครงการนี้ขายหมดตั้งแต่ปลายปี 2547 แต่โอนเสร็จเรียบร้อยเมื่อสิ้นปี 2548
เมื่องานตรงนี้เสร็จสมบูรณ์ ผมก็มองว่าถึงเวลาที่เราจะกลับมาพัฒนาโครงการของเราอีกครั้ง เป็นที่อยู่อาศัยที่ตอบสนองความต้องการของตลาดช่วงนี้จริงๆ จึงตกลงใจซื้อที่ดินแปลงใหม่พร้อมศึกษาไปด้วยว่า ความต้องการของตลาดจะไปทางไหน
อย่างผลงานในอดีต ทั้งโครงการวิสุทธานี ไฮเทค ออฟฟิศ พาร์ค ลาดพร้าว 101/3 ก็เป็นออฟฟิศ 6 ชั้น สร้างเสร็จและปิดการขายไปนานแล้ว ตรงนี้เป็นที่ที่เราพัฒนาเอง ขายเอง ปัจจุบันเป็นแหล่งรวมโรงเรียนกวดวิชา
แถวรามอินทราก็มีโครงการวิสุทธา วิลล์ เป็นโครงการพัฒนาขายที่ดินเปล่า หรือถ้าลูกค้าต้องการให้สร้าง โดยใช้แบบบ้านของบริษัทก็ได้ โครงการนี้ทำเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทั้งหมดก็เป็นประสบการณ์ที่เคยทำโครงการใหญ่ๆ
- แล้วเข้าไปเกี่ยวข้องกับกรุงเทพธนาคมอย่างไร
ต้องบอกอย่างนี้ครับว่า...กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีบริษัทที่เป็นเอกชนอยู่บริษัทหนึ่งคือ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด กทม.ถือหุ้นอยู่ 99% ตัวบริษัทกรุงเทพธนาคม เป็นเจ้าของโครงการฝักข้าวโพด และได้มาจ้างเราเข้าไปทำตลาดและบริหารงานขายในนามบริษัทกรุงเทพพัฒนา ชื่ออาจจะคล้ายๆ กัน แต่ไม่เกี่ยวข้องกัน เราเป็นมือปืนรับจ้างมากกว่า
- เห็นว่าหยุดพัฒนาโครงการไปพักหนึ่ง
ครับ ! ตอนฟองสบู่แตก เป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างที่เราปิดการขายโครงการวิสุทธา วิลล์ รามอินทรา และกำลังจะขึ้นโครงการวิสุทธานี ไฮเทค ออฟฟิศ พาร์ค ลาดพร้าว เราถึงตัดสินใจจะไม่งอกโครงการใหม่ แต่หันมาปรับตัว โดยเน้นบริหารโครงการแทน เพราะมีโครงการอยู่ในมือจำนวนหนึ่ง เพื่อป้องกันตนเองจากความเสี่ยง และเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่เลี้ยงตัวเองได้ ซึ่ง "วิสุทธานีฯ ลาดพร้าว" ไปค่อนข้างดี
- ปรับธุรกิจแล้ว มีการปรับสินค้าบ้านหรือเปล่า
ปรับหมด ทีมผู้บริหารเห็นว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ในเมื่อเรามีที่ดินภายในโครงการเหลืออยู่ก็นำมาปรับใหม่ จากเดิมที่มีตึก 2 แบบ แบบแรกสูง 6 ชั้น ราคาวางไว้ค่อนข้างสูง อย่างในสมัยนั้นราคาซื้อขายอยู่ที่ 18-20 ล้านบาท พอเกิดวิกฤตก็มีคนอยากลงทุนทำ mall business แต่เงินมีไม่พอ เช่น กลุ่มโรงเรียนสอนภาษา โรงเรียนกวดวิชา ฯลฯ ทางบริษัทก็เปิดเฟส 2 ขึ้นมาในช่วงปี 2546-2547 แล้วปรับไซซ์ลงมาครึ่งหนึ่ง เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อได้ จากเศรษฐกิจหดตัวลง พัฒนาเป็นตึก 4 ชั้น ไม่มีลิฟต์โดยสาร ราคาขาย 8 ล้านบาทถือว่าโอเค
- กลับมาอีกทีมาเปิด The Primary
The Primary เป็นโครงการแรกที่เราเริ่มกลับมาพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย หลังจากเปิดโปรเจ็กต์ฝักข้าวโพดไป
ตัวโครงการใหม่จะเป็นคอนเซ็ปต์ทาวน์โฮม เราอยากให้เป็นที่อยู่อาศัยและเป็นที่ทำมาหากินได้ด้วย ถึงยึดเป็นคอนเซ็ปต์ทาวน์โฮม แล้วความหมายแปลตามศัพท์ภาษาอังกฤษก็คือเป็นที่เริ่มต้นของครอบครัว เราไม่เน้นจำนวนยูนิตเยอะ ในโครงการใหม่มีแค่ 40 ยูนิต ซึ่งจะแตกต่างจากโครงการอื่นที่มีจำนวนยูนิตที่หนาแน่นกว่าประมาณ 80-200 ยูนิตขึ้นไป
สาเหตุที่เราเลือกขนาดเล็กเพราะต้องการสร้างสังคมที่ไม่แออัดแต่รายล้อมด้วยธรรมชาติที่ร่มรื่น ผมพูดตามตรงว่าไม่อยากสร้างบ้านให้คนเข้าไปอยู่กับปูนร้อนๆ ดังนั้นคอนเซ็ปต์ The Primary จึงเป็นการนำเสนอบ้านหลังแรกสำหรับครอบครัวใหม่ จับกลุ่มลูกค้าอายุประมาณ 30 เศษๆ ถึง 40 ต้นๆ เพราะเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตทั้งในแง่ครอบครัว เศรษฐกิจ มีรายได้ต่อครอบครัวประมาณ 1 แสนบาทขึ้นไป ทำงานได้ระยะหนึ่งแต่อยากมีธุรกิจเป็นของตนเองและอยากจะเป็นเจ้านายตัวเอง
เราจึงเสนอตัวตรงนี้เพื่อเข้าไปหากลุ่มลูกค้าเหล่านี้...หลายคนอาจจะแย้งว่าถ้าจะซื้อทาวน์เฮาส์ทำไมไม่ซื้อโครงการที่ตั้งอยู่ในเมืองไม่ดีกว่าเหรอ อันนี้ผมไม่เถียงครับ...แต่การที่คุณซื้อทาวน์เฮาส์ในเมืองแล้วสามารถเสนอความสมดุลระหว่างที่อยู่อาศัยและธรรมชาติได้ครบถ้วนหรือไม่ตรงนี้ตากหากที่คุณต้องให้ความสำคัญ
โปรเจ็กต์นี้เราจะใช้เอาต์ซอร์ซในการออกแบบทั้งหมด และทีมสถาปนิกเป็นทีมงานของคุณเจนกิจ นภาวรรณ ที่มีผลงานการออกแบบอาคารใบหยก 2, โรงแรมปทุมวัน ปริ้นเซส สาเหตุที่จ้างบริษัทข้างนอกออกแบบนั้น เพราะเห็นว่าโครงการที่จะสามารถสร้างความดึงดูดใจให้กับลูกค้าได้ต้องใช้ทีมงานที่เป็นมืออาชีพจริงๆ
- สุวรรณภูมิมีผลกับโครงการใหม่
มีมาก เราทำโครงการใหม่ที่นี่ประมาณ 4 ไร่เศษ ขนาดไม่ใหญ่ เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 2 ขนาด ราคาเริ่มที่ 5.35 ล้านบาท แต่ละหลังราคาไม่เท่ากัน 70% เป็นแบบเล็ก ที่เหลือ 30% เป็นขนาดใหญ่ มูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท โครงการนี้เราไม่ใช้เงินกู้นะครับ แต่สินเชื่อรายย่อยมีหลายธนาคารให้โพสต์ไฟแนนซ์กับลูกค้าที่ซื้อ เพราะเราไม่ปิดกั้น เราเปิดกว้างกับทุกแบงก์ที่ต้องการ
ที่ดินแปลงนี้บริษัทซื้อมาจากเจ้าของเดิม ซึ่งตอนนี้เราตัดสินใจที่จะขึ้นโปรเจ็กต์ใหม่ก็ไปเซอร์เวย์อยู่หลายที่เหมือนกันก่อนที่จะมาสรุปตรงนี้ เพราะเห็นว่าย่านเกษตร-นวมินทร์ น่าจะมีการขยายตัวของเศรษฐกิจด้านตะวันออกโดยคิดจากปัจจัยการเปิดใช้ของสนามบินสุวรรณภูมิ บวกกับพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลอปเปอร์ ก็มากระจุกตัวเปิดโครงการอยู่ในย่านนี้ด้วย ตอนที่ซื้อมาราคาประเมินอยู่ที่ตารางวาละ 30,000 บาทได้
- มองตัวเองกับทำเลแถบนี้ไว้อย่างไร
ผมมองว่าวันนี้เราต้องโต เราไม่อยากให้คนรู้จักแบรนด์ The Primary ในแง่ความหรูหรา อยากให้ฟังแล้วติดหูในแง่ความเป็นมิตรและการบริการมากกว่า
ส่วนการลงทุนเราให้น้ำหนักในการพัฒนาโครงการที่ไม่ใหญ่มาก เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่กำลังเหมาะสม เพราะไม่ใช่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงไม่มีความจำเป็นต้องพัฒนาโครงการในสเกลที่ใหญ่มาก
- จะเห็นโครงการใหม่มั้ย
ที่คิดไว้ตอนนี้มี 2 แนวทางด้วยกันที่กำลังพิจารณา ได้แก่ หากโครงการนี้ได้รับการตอบสนองทั้งในแง่คอนเซ็ปต์และดีไซน์จากผู้บริโภค บริษัทกรุงเทพพัฒนาก็จะเสนอโครงการ The Primary ในทำเลอื่นของกรุงเทพฯ โดยอาจจะบุกเข้าไปในเมืองมากขึ้นหากมีที่ดิน หรืออาจจะอยู่ชานเมืองแบบนี้ต่อไปก็ได้มีหลายรูปแบบ และ 2.ในอนาคตหากเศรษฐกิจชะลอคนจะซื้อบ้านน้อยลง ก็จะหันไปพัฒนาอสังหาฯเพื่อให้เช่าในรูปแบบ community mall เล็กๆ เพื่อสร้างรายได้ไว้เลี้ยงตัวเอง
- โปรโมชั่นที่ให้ลูกค้ากับยอดขาย
โครงการนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการกลางเดือนมีนาคมนี้ โดยลูกค้าที่ซื้อในช่วงนั้นจะได้รับส่วนลดตั้งแต่ 50,000-100,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ นอกจากนี้ลูกค้าจะได้รับเครื่องครัว Seka และตู้เย็น คือโดยปกติถ้าคุณมาซื้อเรามีของแถมให้ตามปกติ คือผมอยากเสนอในเรื่องของคุณภาพบ้านมากกว่า แต่อันนี้มองว่าเป็นเรื่องของการตลาดมากกว่า
ผมตั้งใจปิดการขายทั้งโครงการในสิ้นไตรมาสที่ 2/2549 เพราะโปรเจ็กต์อยู่ในทำเลที่ดีมากติดถนนเกษตร-นวมินทร์ เราจะพัฒนาเองและขายเองทั้งหมด
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 13-02-2549
|
|
|
|
|