| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 74 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 09-02-2549    อ่าน 11578
 ปูนเอเซียลบภาพคอนเซอร์เวทีฟ รีแบรนดิ้ง-มุ่งเจาะนิชมาร์เก็ต

"ปูนซีเมนต์เอเซีย" ทุ่มงบฯ 50 ล้านบาทรีแบรนดิ้งสินค้าใหม่-ออกสินค้าสูตรใหม่ต่อเนื่อง เร่งเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ฟันธงภาพรวมตลาดปูนปีนี้เติบโต 4-5% ใกล้เคียงปีก่อน หวังอานิสงส์โครงการเมกะโปรเจ็กต์ช่วยหนุน



นายนภดล รมยะรูป กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภาพรวมตลาดปูนซีเมนต์ในปีนี้น่าจะมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนคือประมาณ 4-5% ซึ่งคาดการณ์ตามอัตราการเติบโตเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ (จีดีพี) ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 5%

อย่างไรก็ตาม สำหรับยอดขายปูนซีเมนต์ของบริษัทในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาถือว่าไม่ค่อยดีนัก ยอดขายไม่ได้เติบโตขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยมาจากความชัดเจนของภาวะดอกเบี้ยช่วงขาขึ้น เรื่องอัตราเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้สินค้าปรับขึ้นราคา กลายเป็นว่าเมื่อมีเงินเท่าเดิมแต่ซื้อสินค้าได้น้อยลง

บริษัทจึงคาดหวังโครงการเมกะโปรเจ็กต์เช่นเดียวกับผู้ผลิตปูนค่ายอื่นๆ เพราะมั่นใจว่าเมกะโปรเจ็กต์น่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลังและกระตุ้นให้ตลาดปูนซีเมนต์คึกคัก

"ก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสเข้าพบคุณทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งท่านก็บอกว่าถ้ารัฐบาลมีคำสั่งว่าจะให้ดำเนินการก็มีเงินลงทุนให้อย่างแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะตัดสินใจทำโครงการหรือทำเส้นทางไหนก่อนและจะเริ่มต้นได้เมื่อไรเท่านั้น" นายนภดลกล่าว

ทั้งนี้ ถ้าโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้นจริงตามนโยบายรัฐที่ประกาศ ย่อมส่งผลต่อการขยายตัวของตลาดที่อยู่อาศัย อาทิ โครงการแอร์พอร์ตเรียลลิงก์ (มักกะสัน-สุวรรณภูมิ) ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างก็มีที่ อยู่อาศัยใหม่เกิดขึ้นตลอด 2 ฝั่งตามแนวเส้นทาง ยิ่งสนามบินสุวรรณภูมิมีการเปิดใช้จริงจะยิ่งทำให้เกิดการลงทุนในธุรกิจด้านอื่นๆ ตามมาและเกิดแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ขึ้น

"ถ้าเมกะโปรเจ็กต์เกิดขึ้นได้สัก 2-3 สาย การลงทุนในภาคอสังหาฯและธุรกิจอื่นๆ จะเกิดขึ้นตามมาอีกเยอะ เพราะอนาคตในเมืองมีแต่จะรถติดมากขึ้น แหล่งที่อยู่อาศัยก็ต้องขยายไปตามแมสทรานซิต (ระบบขนส่งมวลชน) ที่สำคัญรัฐต้องมีความชัดเจนเรื่องแนวเส้นทางด้วย"

นายนภดลกล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีผู้ผลิตปูนซีเมนต์ในตลาดทั้งหมด 8 ราย มีกำลังผลิตรวมกัน 56 ล้านตัน โดยผู้เล่นรายล่าสุดที่เข้ามาในตลาด คือ บริษัทภูมิใจไทยซีเมนต์ ของกลุ่มรับเหมาอิตาเลียนไทย มีกำลังผลิตวันละประมาณ 2,500 ตัน

สำหรับสถานการณ์ในปีที่ผ่านมามีความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศอยู่ที่ 27 ล้านตัน และส่งออกประมาณ 14 ล้านตัน โดยในช่วง 2 ไตรมาสแรกตลาดค่อนข้างดีคือมีอัตราเติบโตประมาณ 10% แต่พอเข้าสู่ช่วงไตรมาส 3-4 ตลาดเริ่มดรอปลงโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายที่ภาพรวมติดลบ ส่วนตลาดส่งออกปูนจะเติบโตขึ้นหรือไม่คาดการณ์ค่อนข้างลำบาก

ตัวแปรสำคัญอยู่ที่ความต้องการใช้ปูนในประเทศ ถ้าตลาดดีก็คงส่งออกกันน้อยลง เพราะจริงๆ แล้วปูนเป็นสินค้าที่ไม่มีใครอยากส่งออก แม้ปัจจุบันจะทำกำไรได้ไม่แพ้ที่ขายในประเทศเพราะเป็นสินค้าที่มีน้ำหนักมากและเสี่ยงต่อการเสียหายระหว่างการขนส่ง

ในแง่ของแผนดำเนินงานของบริษัทในปีนี้

นายนภดลกล่าวว่า ได้ตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้น 4-5% เท่ากับภาพรวมตลาด โดยปี 2548 ที่ผ่านมามียอดขายใกล้เคียงกับปี 2547 ที่ทำได้เกือบ 8,400 ล้านบาท แต่กำไรสุทธิลดลงประมาณ 15% จากปี 2547 ที่ทำได้เกือบ 1,300 ล้านบาท

ผลกำไรที่ลดลงเป็นผลมาจากต้นทุนพลังงานซึ่งคิดเป็น 25% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมดปรับเพิ่มขึ้นสูง เมื่อเปรียบเทียบปี 2547-2548 บริษัทมีต้นทุนการผลิตขึ้นมาเกือบ 35% ล่าสุดจึงได้ทดลองนำระบบเชื้อเพลิง "ไบโอแมส" มาใช้โดยนำพืชผลทางการเกษตร อาทิ น้ำมันปาล์ม ฯลฯ มาปรับใช้เพื่อลดต้นทุน เป้าหมายคือลดต้นทุนการผลิตให้ได้ 5-10%

ส่วนนโยบายของทางบริษัทนับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการออกสินค้าใหม่ๆ ที่มุ่งเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้น โดยเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวปูนซีเมนต์ตรา "ดอกบัว" สูตรพิเศษที่มีส่วนผสมพิเศษทำให้ฉาบได้เนื้อปูนมากกว่า และตลาดก็ตอบรับดีโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และตามหัวเมืองใหญ่ต่างจังหวัด ปัจจุบันมียอดขายเฉลี่ยเดือนละ 7,000-9,000 ตัน

สำหรับ "ปูนมอลต้า" ก็เป็นสินค้าตัวหนึ่งที่บริษัทให้ความสนใจ แต่คงต้องรอดูจังหวะตลาดก่อน เพราะการผลิตสินค้าใหม่เฉลี่ยแล้วถ้าลงทุนในระดับหลายร้อยล้านบาท (ไม่รวมต้นทุนที่ดิน) ปูนตัวนั้นต้องสามารถทำยอดขายได้ในระดับ 1,000 ตันต่อเดือนขึ้นไปจึงจะคุ้มทุน

"ต่อไปจะยิ่งมีสินค้ามากขึ้น แนวทางของเราจะเป็น "เทเลอร์เมด" คือไม่ตัดเสื้อโหลเพราะวันนี้ปูนกลายเป็นสินค้าคอนซูเมอร์ไปแล้ว ต่อไปจะย่อยเซ็กเมนต์ลูกค้าออกไปอีก"

นโยบายการออกสินค้าใหม่ๆ จะเชื่อมโยงกับแผนการรีแบรนดิ้งสินค้าภายใต้งบประมาณที่เตรียมไว้ 50 ล้านบาท เพื่อเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งให้มีสีสันมากขึ้นหลังจากใช้มานานร่วม 40 ปี รวมถึงพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ดีขึ้น ซึ่งตัวไหนที่มีการปรับส่วนผสมเพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้าใหม่ก็ย่อมสร้างมูลค่าเพิ่มในการขาย เปรียบเทียบแล้วก็เหมือนกับการทำสินค้าให้สดใหม่ขึ้น

"การรีแบรนดิ้งเป็นผลมาจากการออกปูนดอกบัวสูตรพิเศษที่เราออกแบบแพ็กเกจจิ้งให้เป็นสีส้มสดใส ปรากฏว่ามันได้ผลในแง่การตลาด ทำให้เราตัดสินใจที่จะเดินหน้าเรื่องรีแบรนดิ้งซึ่งอาจจะเริ่มได้ภายในปีนี้"

  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 09-02-2549 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.