Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
ศึกแย่งที่ดินเพลินจิตปั่นราคาพุ่ง! ลูกค้าเก่าได้เฮ-ซื้อใหม่จ่ายอ่วม |
|
วงการดีเวลอปเปอร์หวั่น ศึกแย่งซื้อที่ดินกลางเมืองย่านเพลินจิต-สถานทูตอังกฤษของบิ๊กอสังหาฯ ปั่นราคาพุ่งเข้าทางกลุ่มทุนต่างชาติ ชี้โปรเจ็กต์ใหม่เกิดยากเพราะต้นทุนที่ดินฉุดราคาขายขยับสูงขึ้น ลูกค้าเดิมที่ซื้อโครงการล่วงหน้าแจ็กพอต ส่วนลูกค้ารายใหม่ร้องจ๊ากต้องควักกระเป๋าจ่ายแพงกว่าเก่า
ตลาดคอนโดฯราคาแพงย่านใจกลางเมืองที่กลับมาบูมรอบใหม่ช่วง 1-2 ปีก่อน ฉุดให้ราคาที่ดินและราคาห้องชุดพุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ ล่าสุดหลายฝ่ายกำลังจับตามองว่าการประมูลขายที่ดิน 9 ไร่เศษย่านเพลินจิตของสถานทูตอังกฤษจะจบลงอย่างไร เนื่องจากเริ่มหวั่นใจกับกระแสข่าวที่มีออกมาว่าบริษัทอสังหาฯยักษ์ใหญ่ทั้งไทย-เทศแข่งกันเสนอราคาซื้อกันเต็มที่ จนอาจทำให้ที่ดินในทำเลไข่แดงผืนนี้ถูกปั่นราคาพุ่งสูงขึ้นเฉียด 1 ล้านบาท/ตร.ว. ซึ่งจะส่งผลต่อราคาที่ดินแปลงอื่นๆ ที่เหลืออยู่ ทำให้การพัฒนาโครงการย่านใจกลางเมืองในอนาคตทำได้ลำบาก ต้องอาศัยเม็ดเงินลงทุนมากกว่าในปัจจุบันอีกเป็นเท่าตัว
นายเดวิด นาร์โดน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็น "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กรณีการซื้อขายที่ดินสถานทูตอังกฤษน่าจะส่งผลต่อราคาที่ดินในย่านเพลินจิตและบริเวณใกล้เคียง คือ หากมีการแข่งขันกันประมูลซื้อและตกลงขายได้ในราคาที่สูง ก็จะทำให้ราคาที่ดินแปลงอื่นแถบนั้นปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ผลที่ตามมาคือ เมื่อนำมาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยหรือโครงการประเภทอื่นๆ ก็จะทำให้ต้องตั้งราคาขายในระดับที่สูงเช่นเดียวกัน ซึ่งเชื่อว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้าราคาที่ดินในทำเลกลางเมืองกรุงเทพมหานคร (กทม.) อาจปรับตัวสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 30%
ภายใต้ภาวการณ์อย่างนี้ทำให้ผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินหลายๆ บริษัทตกอยู่ในฐานะที่ลำบาก เพราะนอกจากจะหาที่ดินที่มีศักยภาพจริงๆ มาพัฒนาได้ยากขึ้นแล้ว ราคายังแพงมาก จึงค่อนข้างมั่นใจว่าจากนี้ไปโครงการเกิดใหม่ในย่านใจกลางเมืองคงมีไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ในแง่ผู้บริโภค หรือ end user แล้ว เมื่อที่ดินแพงขึ้นผู้ที่ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงก่อนหน้านี้หรือตอนนี้ก็น่าจะได้ประโยชน์ และถือว่าโชคดี เพราะในอนาคตเมื่อราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้น ก็จะทำให้มีความคุ้มค่าในการลงทุนมากขึ้น แต่ลูกค้ารายใหม่อาจต้องซื้อในราคาที่แพงขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบราคาที่อยู่อาศัยในต่างประเทศแล้ว ยังถือว่ามีราคาถูกกว่ามาก และอยู่ในวิสัยที่ลูกค้าสามารถซื้อได้
นายเดวิดกล่าวว่า ปัจจุบันโครงการระดับไฮเอนด์เกิดใหม่ในตลาดน้อยมาก เมื่อเทียบกับช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เวลานี้ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง ประกอบกับที่ผ่านมาสถาบันการเงินไม่กล้าปล่อยสินเชื่อให้เพราะเห็นว่ามีความเสี่ยง นอกจากนี้ในการลงทุนพัฒนาโครงการในอนาคต ตนก็มองว่าดีเวลอปเปอร์อาจจะปรับเปลี่ยนรูปแบบในการพัฒนา โดยหันไปพัฒนาโครงการให้เช่าเพื่อสร้างรายได้ระยะยาว เช่น เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ โรงแรม แทนการพัฒนาโครงการประเภทขายขาด
ส่วนการแข่งขันในตลาดไฮเอนด์ในปัจจุบัน จะเห็นว่าหลายๆ บริษัทแนวโน้มจะผลิตสินค้าที่มีขนาดยูนิตเล็กลง และบางส่วนหันมาทำให้เช่ามากขึ้น ซึ่งจะแตกต่างจากโครงการเดอะ พาร์ค ชิดลม ของบริษัท เพราะโครงการนี้เป็นที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ และสร้างเพื่อขายขาดให้กับผู้ซื้อ
แหล่งข่าวจากวงการพัฒนาที่ดินเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาราคาที่ดินย่านใจกลางเมือง อาทิ สาทร สีลม เพลินจิต สุขุมวิท ฯลฯ มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุมาจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติสนใจติดต่อขอซื้อเพื่อลงทุนพัฒนาโครงการจำนวนมาก โดยที่ดินบางแปลงมีการแข่งขันกันเสนอราคามากถึง 2-3 ราย เป็นโอกาสให้เจ้าของที่ดินฉวยจังหวะดันให้ราคาสูงขึ้น อย่างที่ดินแปลงหนึ่งที่กลุ่มทุนต่างชาติซื้อต่อจากสำนักงานยูซิส ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ช่วงที่ประมูลซื้อตกตารางวาละ 2.6 แสนบาท แต่ขณะนี้ปรับขึ้นถึง 5 แสนบาท/ ตารางวาแล้ว หรือที่ดินอีกแปลงหนึ่งฝั่งตรงข้ามสวนลุมพินี ก่อนหน้านี้ราคาตารางวาละ 3 แสนบาท เวลานี้เจ้าของที่ก็ปรับราคาขึ้นเป็น 5 แสนบาท/ตารางวา ทั้งๆ ที่เวลาเพิ่งจะผ่านพ้นไปไม่นาน
โดยเฉพาะต่างชาติ ตอนนี้ทั้งสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน ฯลฯ สนใจลงทุนธุรกิจอสังหาฯในประเทศไทยมาก เพราะมองว่าราคาที่ดินยังถูกเมื่อเทียบกับราคาที่ดินในประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชีย ยิ่งสิงคโปร์ ฮ่องกง แล้ว ราคาที่ดินแพงกว่าของไทยหลายเท่าตัว ไม่แปลกที่กลุ่มทุนเหล่านี้พร้อมจะทุ่มเม็ดเงินซื้อหากเห็นว่าน่าสนใจ
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการประมูลซื้อขายที่ดินสถานทูตอังกฤษมากนัก แต่ได้ข่าวว่ามีผู้สนใจหลายรายแข่งกันประมูล เพราะต่างฝ่ายต่างต้องการได้ที่ดินผืนนี้มาพัฒนา เพราะอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดแปลงหนึ่งในย่านใจกลางเมืองก็ว่าได้ คิดว่าการแข่งราคาคงจะดุเดือด ที่สำคัญที่ดินแปลงดังกล่าวมีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยรัฐกาลที่ 5 ซึ่งใครได้ที่แปลงนี้มาก็คงนำประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเหล่านี้มาเป็นจุดขาย และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวโครงการได้เป็นอย่างดี
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 06-02-2549
|
|
|
|
|