|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| "ท็อปไลน์"แตกทำเลซอยทองหล่อ ผุดคอนโดฯคนรุ่นใหม่2ล้าน/ยูนิต |
|
"ท็อปไลน์ ลิฟวิ่ง" ดีเวลอปเปอร์รายกลางสยายปีแนวรบตลาดที่อยู่อาศัยในเมือง คว้าที่ดินแปลงงามหลังโชว์รูมเบนซ์ซอยทองหล่อ เนื้อที่ 6.5 ไร่ ผุดคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ไซซ์เล็กขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ 35-70 ตร.ม. ภายใต้ชื่อ "เดอะ โคลเวอร์" มูลค่าโครงการกว่า 2 พันล้าน ตั้งราคาขายเริ่มที่ 2 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่อายุ 25-35 ปี หลังศึกษาวิจัยพบตลาดมีความต้องการที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 1-3 ล้านมากที่สุด แค่เปิดพรีเซลกวาดยอดขายแล้วกว่า 100 ยูนิต ทำเก๋จับมือซิตี้แบงก์ให้ลูกค้าชำระค่าทำสัญญาผ่านบัตรเครดิตดอกเบี้ย 0%
นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทได้เข้าไปรับบริหารงานโครงการ "เดอะ โคลเวอร์ ทองหล่อ" (The Clover Thonglor) มูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท พัฒนาโครงการโดย บริษัท ท็อปไลน์ ลิฟวิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาที่ดินขนาดกลางที่พัฒนาโครงการแถบรอบนอกของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นหลัก และได้ขยายการลงทุนเข้ามาสู่ใจกลางเมืองมากขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ โดยมอบหมายให้บริษัทอควาเรียส เอสเตท เป็นผู้บริหารจัดการ และให้คำปรึกษา (project management and advisory services) พร้อมทั้งศึกษาวิจัยตลาด ออกแบบกลยุทธ์การตลาดและการขาย รวมทั้งบริหารงานก่อสร้างให้กับโครงการดังกล่าวแบบครบวงจร
โครงการ "เดอะโคลเวอร์ ทองหล่อ" (The Clover Thonglor) เป็นคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรซ์สูง 9 ชั้น จำนวน 5 อาคาร 590 ยูนิต ตั้งบนเนื้อที่ 6.5 ไร่ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 35-70 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 2 ล้านบาท/ยูนิต ผ่อนชำระค่างวด 9,000 บาทต่อเดือน มีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สนับสนุนสินเชื่อโครงการและรายย่อย
ทั้งนี้ที่ดินแปลงดังกล่าวนายมานพ เขียวชะอุ่ม ประธานกรรมการ บริษัท ท็อปไลน์ ลิฟวิ่งฯ เจ้าของโครงการ ได้ซื้อมาจากเจ้าของเดิมเมื่อปี 2548 ที่ผ่านมา
จุดเด่นโครงการนี้นอกจากที่ตั้งโครงการจะอยู่ในไพรมแอเรียอันดับต้นๆ ของ กทม.แล้ว ยังมีความโดดเด่นในเรื่องการออกแบบดีไซน์ที่ถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ด้วย โดยพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ "โมเดิร์น ซิมพลิซิตี้" (modern simplicity) โดยบริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49) ด้วยการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยทุกตารางเมตรได้อย่างคุ้มค่า เน้นความโปร่งโล่งด้วยแสงธรรมชาติ อีกทั้งมีการวางผังอาคารภายนอกให้มีการเหลื่อมล้ำ เพิ่มพื้นที่ว่างระหว่างอาคารเพื่อความโล่งโปร่งสบายของผู้อยู่อาศัย และเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ สระว่ายน้ำทรงอิสระ สวนขนาดใหญ่ ห้องออกกำลังกาย รวมพื้นที่ส่วนกลางมากกว่า 1 ไร่ ถือว่าเป็นคอนโดมิเนียมแห่งเดียวบนถนนสุขุมวิทที่ให้พื้นที่สีเขียวมากที่สุด
"จากการศึกษาวิจัยของบริษัท พบว่ากำลังซื้อที่ใหญ่ที่สุดในตลาดขณะนี้อยู่ที่ระดับราคา 2-3 ล้านบาท ดังนั้นโครงการนี้ถือเป็นคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองแห่งแรกที่พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุตั้งแต่ 25-35 ปี ที่ชอบอาศัยอยู่ใจกลางเมืองใกล้กับรถไฟฟ้าและแมสทรานซิต
ปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้เปิดพรีเซลเฟสแรกในส่วนอาคารเอ-บี ซึ่งมียอดขายแล้วกว่า 100 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง เพราะชอบในรูปแบบดีไซน์และการจัดวางฟังก์ชันใช้สอยที่เป็นเอกลักษณ์ของบริษัท ซึ่งน่าจะเป็นต้นแบบให้กับโครงการอื่นๆ ในอนาคต"
นายยงยุทธกล่าวว่า สำหรับการเปิดขายอย่างเป็นทางการจะเริ่มในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ โดยบริษัทจะใช้งบฯการตลาดประมาณ 50-60 ล้านบาท ผ่านสื่อทุกประเภท เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการให้เป็นที่รู้จัก และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มากที่สุด
โดยในช่วงแรกการเปิดขาย บริษัทได้จับมือร่วมกับธนาคารซิตี้แบงก์ จัดโปรโมชั่น "ซิตี้แบงก์ เพย์ไลท์ 0%" (Citibank PayLite 0%) ซึ่งเป็นแคมเปญแรกของวงการอสังหาฯไทย ที่ให้ผู้ซื้อคอนโดฯสามารถผ่อนชำระเงินค่าทำสัญญาในอัตราดอกเบี้ย 0% เป็นระยะเวลานาน 6 เดือน โดยบริษัทเป็นผู้แบกรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้กับลูกค้า เพื่อให้สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ซึ่งถือเป็นการขยายฐานลูกค้าของโครงการเข้ากับฐานลูกค้าของบัตรเครดิตที่มีกำลังซื้อสูง
นายมานพ เขียวชะอุ่ม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ท็อปไลน์ ลิฟวิ่ง จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า นอกจากโครงการนี้แล้ว ปีนี้บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮาส์ในโซนตะวันออกย่านสนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้นประมาณ 1 พันยูนิต เพราะเป็นสินค้าที่มีการตอบรับสูงมากจากลูกค้า ทำให้ที่ผ่านมาบริษัทไม่มีสินค้าเพียงพอในการตอบสนองความต้องการ
"ตอนนี้เรามีที่ดินที่จะพัฒนาทาวน์เฮาส์แล้วประมาณ 30 ไร่ อยู่ถนนราษฎร์พัฒนาเขตลาดกระบัง ใกล้แยกมิสทิน ซึ่งจากการเพิ่มสัดส่วนของทาวน์เฮาส์มากขึ้น บวกกับการเปิดตัวคอนโดฯในเมือง คาดว่าปีนี้บริษัทจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 600-700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่มีรายได้รวม 450 ล้านบาท" นายมานพกล่าว
อนึ่ง บริษัท ท็อปไลน์ ลิฟวิ่ง จำกัด จดทะเบียนบริษัทเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2545 มีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ รอบโซนตะวันออกและต่างจังหวัด ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม ระดับราคาขายตั้งแต่ 1.5-5 ล้านบาท รวมมูลค่าการพัฒนากว่า 8,075 ล้านบาท อาทิ โครงการพูนสินธานี สุขาภิบาล 3, ลิฟวิ่ง นารา รามคำแหง และรังสิต, โฮมอเวนิว สุขุมวิท 1 และสุขาภิบาล 3, พูนสินคอนโดทาวน์ สุขาภิบาล 3 ฯลฯ
มีบริษัทในเครือทั้งสิ้น 7 บริษัท ประกอบด้วย 1.บริษัท พูนสิน เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด 2.บริษัท พูนสิน แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด 3.บริษัท ลิฟวิ่ง แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด 4.บริษัท พูนสิน ลิฟวิ่งโฮม จำกัด 5.บริษัท ฮาร์ท ออฟ ลิฟวิ่ง โฮม จำกัด 6.บริษัท แคร์ ทู บี จำกัด 7.บริษัทในเครือกรีนกรุ๊ป
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 02-02-2549
|
|
|
|
|
