|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| "ใหญ่จับใหญ่" ทุนนอกทะลัก อสังหาฯไทยกลายพันธุ์ ! |
|
วิเคราะห์
นึกแล้วน่าสนุกไม่น้อย เมื่อธุรกิจ "อสังหาริมทรัพย์" เกิดการเปลี่ยนรสชาติ !
จากสมรภูมิที่ผู้ประกอบการคนไทยเคยแข่งกันเอง มาถึงตอนนี้จำต้องสลับคู่สลับขั้ว เพื่อเรียกหา "พันธมิตร" มาเป็นพวก
เข้าลักษณะ "คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย สามคนอยู่สบาย"
ซึ่งสามารถคอนเฟิร์มความรู้สึกนี้ได้จากเสี่ยๆ ทั้งหลาย อาทิ อนันต์ อัศวโภคิน แห่งแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, ธงชัย คุณากร ปรมัตถ์ ซีอีโอ กรุงเทพบ้านและที่ดิน คู่หู "ชายนิด โง้วศิริมณี" แห่งพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ที่ทยอยระบายหุ้นตัวเองไปสู่นักลงทุนกลุ่มใหม่ๆ บ้างแล้ว
ที่ลืมไม่ได้คงเป็น "คุณหญิงศศิมา
ศรีวิกรม์" บริษัทโกลเด้นแลนด์ (แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้) ผู้หญิงที่โชคดีมีกองทุนข้ามชาติเข้ามาสานต่อโครงการอสังหาฯในมือเป็นรายแรกๆ
ที่เงียบสุดคงเป็นกลุ่มกฤษดานคร เจ้าของพอร์ตไฟว์สตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ แม้จะได้ทุนใหม่จากสิงคโปร์อย่าง "เคปเปลแลนด์" มาเมื่อ 3 ปีก่อน ข่าวคราวเคลื่อนไหวน้อยมาก เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น
แต่รายใหญ่ที่แทรกเข้ามาระหว่างทางและสร้างข่าวใหญ่ให้กับตัวเองได้มาก คงหนีไม่พ้นกลุ่ม ที.ซี.ซี.แลนด์ ของเจ้าสัว "เจริญ สิริวัฒนภักดี" ซึ่งร่วมทุนกับ "แคปปิตอลแลนด์" ยักษ์อสังหาฯในสิงคโปร์ ภายใต้ร่มเงาของเตมาเส็ก
"เทมาเส็ก" ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น "โฮลดิ้ง คอมปะนี" ที่ใหญ่สุดบนเกาะสิงคโปร์ ครอบคลุมธุรกิจหลากหลาย โดยมีรัฐบาลสิงคโปร์เป็นผู้ถือหุ้นและเป็นเจ้าเดียวกับกลุ่มทุนที่มาซื้อกิจการโทรคมนาคม ของตระกูล "ชินวัตร-ดามาพงศ์"
ที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด ต้องบอกว่า ในพอร์ตโกลเด้นแลนด์ โดยเฉพาะกลุ่มเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ระดับหรูก็มีค่าย "แอสคอท" จากสิงคโปร์ร่วมเป็นพันธมิตรด้วย
แล้วพันธมิตรรายนี้ก็เชื่อมโยงกับ "แคปปิตอลแลนด์" ในฐานะบริษัทในเครือที่มีเซ็กเมนต์สินค้าชัดเจน
"กลุ่มทุนที่สนใจเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทยในขณะนี้ บอกได้เลยว่า มาจากสิงคโปร์และฮ่องกง เพราะจากการพูดคุยหลายคนบอกว่า อสังหาฯบ้านเรายังขยายตัวได้อีกมาก" อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบีริชาร์ด ให้ความเห็นกับ "ประชาชาติธุรกิจ" เมื่อครั้งกลุ่ม HPL จากสิงคโปร์บินเดี่ยวเข้ามาลงทุนในไทย พร้อมเปิดแถลงข่าวครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน 2548
โดยปักธงขึ้นโครงการเดอะ เม็ท คอนโดมิเนียมตารางเมตรละแสนกว่าบาท ริมถนนสาทร
จำได้ว่า หลังจาก HPL เปิดตัวโปรเจ็กต์หรู
ทั้งผู้ประกอบการ สถาปนิกและบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ต่างจับจ้องแต่ละย่างก้าวของ HPL แบบไม่กะพริบตา
เนื่องเพราะความใหญ่ของฐานทุนที่มีบุคลิกเฉพาะ คือไม่โฉ่งฉ่างแต่รวยจริง และมีผลงานประจักษ์ตา โดยเฉพาะ 2 โรงแรมในไทย "ฮาร์ด ร็อก พัทยา" กับ "เมโทรโพลิแทน สาทร" ที่เด่นมากเรื่องดีไซน์
ที่สำคัญโครงการของ HPL ขายดี
ไม่เช่นนั้น กลุ่ม ที.ซี.ซี.แคปปิตอล แลนด์ คงไม่โหมดัมพ์ราคา และปลุกปล้ำคอนโดฯใหม่แบบ 2 ชั้นในยูนิตเดียว "ดิ เอ็มไพร์ เพลส" ริมถนนนราธิวาสฯ ซึ่งว่ากันว่า ราคาขายต่อตารางเมตรถูกกว่าคู่แข่งรายนี้
จะว่าไปแล้ว การแข่งขันของแต่ละค่ายดูสมน้ำสมเนื้อกันดี ในฐานะผู้เล่นรายใหญ่ (big player) และจะใหญ่ขึ้นไปอีก เมื่อทุนนอกทะลักแบบพรวดๆ นับจากวินาทีนี้
จนแหล่งข่าวบางท่านที่ทำโครงการจัดสรรขนาดกลางๆ มาร่วม 10 กว่าปี ให้ข้อสรุป "อสังหาฯไทยเริ่มกลายพันธุ์ค่อนข้างชัดเจนแล้ว ถ้าคิดจะขยายบ้านแบบปูพรม ทุกคนต้องหาพันธมิตร ยิ่งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯยิ่งต้องมีพันธมิตรไว้เสริมเขี้ยวเล็บ ไม่อย่างนั้นตายคาไซต์แน่"
"ถ้าดีเวลอปเปอร์มืออาชีพที่คิดจะสู้จริงๆ ก็ต้องทำโครงการให้ใหญ่ไปเลยและใช้หมัดเด็ดในมือ เช่น บริหารต้นทุนการเงินหรือการก่อสร้างให้ต่ำกว่าเมกะคอมปะนี ก็คงอยู่ได้ แต่การอยู่แบบเดี่ยวๆ โดดๆ ความเสี่ยงก็สูง โอกาสเพลี่ยงพล้ำมีมาก"
ส่วนแหล่งข่าวจากบริษัทอสังหาฯรายใหญ่
ในตลาดหลักทรัพย์ฯ พูดทีเล่นทีจริงว่า "ทำบ้านขายมันเหนื่อยอยู่แล้ว แต่สู้รบกับคู่แข่งในตลาดเดียวกัน ยิ่งเหนื่อยมากกว่า แต่ไม่น่ากลัว"
"ที่น่ากลัวที่สุดคือการทำบ้านขายแข่งกับบริษัทนายกฯ" แหล่งข่าวกล่าวทิ้งท้าย
โดยให้ "ประชาชาติธุรกิจ" เดาไปเองว่า บริษัทนายกฯที่ว่าคงเป็น บมจ.เอสซี แอสเสท ที่กำลังจัดทัพและโหมเงินทุนใหม่เข้ามาสู้กับตลาดในอนาคตอันใกล้
ขณะที่กลุ่มทุนต่างชาติตบเท้าเข้ามาถี่มากในช่วงที่ผ่านมา ก็ไม่ใช่รายเล็กๆ หรือเป็นบริษัทโนเนม
เอ่ยชื่อมาที ต่างชาติรู้จักมักคุ้นหมด อาทิ จีไอซี (GIC), แคปปิตอลแลนด์, แอสคอท, เซ็นเตอร์พอยท์, HPL และเคปเปลแลนด์ ซึ่งล้วนเป็นฐานทุนรายใหญ่ในสิงคโปร์แทบทั้งสิ้น
นี่ยังไม่รวม "ทุนใหม่" ที่กำลังเข้ามาอีก นั่นคือ "ฮ่องกง" และ "จีนแผ่นดินใหญ่"
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 26-01-2549
|
|
|
|
|
