Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
เจ้าพ่อ "อารียา พร็อพเพอร์ตี้" วิศิษฏ์ เลาหพูนรังษี จาก "จัดสรร" สู่ "เมกะโปรเจ็กต์" |
|
เห็นฝีไม้ลายมือของ "วิศิษฏ์ เลาหพูนรังษี" ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท อารียา พร็อพ เพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มาแล้วกับการปั้นแบรนด์ "อารียา" จนฮิตติดตลาดในกลุ่มลูกค้าระดับกลางเมื่อกว่า 3 ปีที่ผ่านมา
วันนี้ "อารียาฯ" กำลังจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่อีกครั้งให้กับวงการอสังหาฯ เมืองไทย โดยจับมือร่วมกับยักษ์รับเหมาจีนรายใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 จากจีนที่มีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นเพื่อจัดตั้งกิจการร่วมค้า (joint venture) เตรียมประมูลโครงการเมกะโปรเจ็กต์มูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท
อะไรที่ทำให้ "ดีเวลอปเปอร์" รายนี้กล้าตัดสินใจแบบข้ามห้วยเข้ารุกในธุรกิจสนามอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของตนเอง ซีอีโอหนุ่มไฟแรงมีคำตอบในบรรทัดถัดไป
- ที่มาของการร่วมทุน
เริ่มจากมีผู้ใหญ่ที่นับถือหลายๆ ท่านได้แนะนำผมว่าตอนนี้มีผู้รับเหมาจากจีนชื่อบริษัท ไชน่า เรลเวย์ ทเวนตี้ บูโร กรุ๊ป (CHINA RAILWAY 20 BUREAU GROUP CO.,LTD) สนใจและต้องการที่จะเข้ามาหาพาร์ตเนอร์คนไทยมาลงทุนร่วมกันเข้าไปบิดงานของรัฐบาลโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 10 สายที่รัฐบาลกำลังจะเปิดให้เอกชนที่สนใจซื้อซองประมูลต้นเมษายน 2549
โดยเราได้เช็กข้อมูลกลับไปว่าไชน่า เรลเวย์ฯ มีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งจากข้อมูลที่เราได้รับมาก็คือไชน่า เรลเวย์ฯ เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ติด 1 ใน 5 ของจีน มีรัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ด้วย และมีมูลค่างานในมือไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านหยวนต่อปี หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท ถือว่าใหญ่มากๆ
จากนั้นก็ได้มีการพูดคุยกันมาตลอดประมาณ 1 เดือน ก่อนที่จะตัดสินใจทำบันทึกข้อทุกลงเบื้องต้น (MOU) ร่วมกัน เพราะจากข้อมูลที่มีอยู่และได้รับรู้จากหลายๆ ฝ่ายทำให้เรามั่นใจว่าเมื่อร่วมมือกันได้โดยที่ไม่มีปัญหาอะไร
- รายละเอียดสัญญามีอะไรบ้าง
...ตอนนี้ยังบอกอะไรมากไม่ได้ครับ เพราะการเซ็น MOU ในวันนี้ยังไม่ได้ลงลึกในรีเทลทั้งหมดเป็นเพียงกรอบข้อตกลงแบบกว้างๆ เท่านั้นว่า โอเคนะวันนี้เราคิดที่จะเป็นพันธมิตธุรกิจในรูปแบบกิจการร่วมค้า (joint venture) เท่านั้นเองครับ ส่วนขั้นตอนต่อจากนี้ไปทั้งอารียากับไชน่า เรลเวย์ฯ ต้องมาคุยกันในรายละเอียดว่าจะทำอย่างไร ทั้งเรื่องสัดส่วนการลงทุน และเทคนิคต่างๆ
- จุดแข็งของไชน่า เรลเวย์ฯกับอารียาฯ
...ไชน่า เรลเวย์ฯ เป็นบริษัทรับเหมาที่มีประสบ การณ์ด้านงานก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ในจีน มีโนว์ฮาวหรือเทคโนโลยีก่อสร้างที่สูงมากๆ ที่สำคัญมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง เขาอยากเข้ามารับงานในไทยเพราะเห็นว่าแผนการลงทุนของรัฐบาลไทยใน 2549-2550 นั้นจะให้น้ำหนักกับโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสนใจอยู่แล้ว
ส่วนอารียาฯ เราเป็นบริษัทที่เปิดกว้างในการลงทุนอยู่แล้ว และมีประสบการณ์ในเรื่องบริหารจัดการ ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นเจ้าบ้านก็จะใช้ความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการและการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้รับงานมา...ซึ่งเรามั่นใจว่าทำได้แน่นอน
- ทำไมต้องเลือกอารียา
ส่วนหนึ่งอาจเพราะมีผู้ใหญ่หลายๆ ท่านเป็นคนแนะนำมา และอาจเป็นเพราะว่าอารียาเป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือด้วย พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ
- ใช้เวลาในการตัดสินใจนานมั้ย
(หัวเราะ)...ไม่ถึง 1 เดือนครับ
- อารียา ได้ประโยชน์จากการร่วมทุน
จริงๆ ประโยชน์โดยตรงคงไม่มีครับ แต่หากเป็นทางอ้อมก็มีบ้างเพราะอย่าลืมว่าอารียาเป็นบริษัทพัฒนาที่ดิน ในเชิงธุรกิจเราต้องรู้อยู่แล้วว่าการพัฒนาโครงการต้องเกาะไปตามระบบสาธารณูป โภคอยู่แล้ว แต่ที่ผมมองว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการร่วมทุนในครั้งนี้ก็คือหากเราได้รับงานโครงการเมกะโปรเจ็กต์ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากการพัฒนาโครงการเพื่อขายเพียงอย่างเดียว...ถูกมั้ยครับ
- มั่นใจมากน้อยแค่ไหนจะได้งาน
เรามั่นใจมากว่าเราทำได้แน่นอน! เมื่อดูจากสเกลงานของไชน่า เรลเวย์ฯ ส่วนจะได้ทำมั้ยเป็นอีกเรื่อง..(หัวเราะ)
- ทิศทางธุรกิจของอารียาในปีนี้
นโยบายธุรกิจหลักของอารียายังพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายเหมือนเดิม แต่การจับมือกับพันธมิตรจีนในครั้งนี้เป็นแบบเฉพาะครับ แบบโปรเจ็กต์บายโปรเจ็กต์ แต่อาจจะฉีกแนวรุกตลาด อินฟราสตรักเจอร์ (โครงสร้างพื้นฐาน) ซึ่งดูแปลกไปหน่อย
แล้ว MOU ฉบับที่ผมเซ็นไป ยังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดของการร่วมทุนว่า แต่ละฝ่ายจะออกมาในสัดส่วนที่เท่าไหร่ เป็นเพียงทำบันทึกในเบื้องต้นว่าทั้ง 2 บริษัทจะร่วมทุนกันเพื่อเข้าไปรับงานในโครงการการสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 10 สายเท่านั้น ประมาณเดือนเมษายนปีนี้จะชัดเจนหมด
- โครงการที่เปิดขายอยู่ เหนื่อยมั้ย
ก็ธรรมดา ของอารียาฯยังขายได้เรื่อยๆ แต่ยอมรับว่าตลาดบ้านแข่งขันหนักขึ้น ทุกค่ายต้องมีพันธมิตร อีกภาพ...ธุรกิจอสังหาฯก็ถึงจุดเปลี่ยนที่ต่างชาติมากันเยอะ
เราต้องปรับตัว ทำตลาดให้ตรงจุด อย่างน้อยเพื่อให้เห็นว่า เราเป็นบริษัทมหาชนมีความน่าเชื่อถือ (จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2546) ทุนจดทะเบียน 758 ล้านบาท แล้วดำเนินธุรกิจพัฒนาที่ดินมาตลอด ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์รูปทรงใหม่ ภายใต้แบรนด์ "อารียา" ทุกอย่างไปได้ดี
สรุปสั้นๆ เรายังทำจัดสรรเหมือนเดิม ทำเลหลักๆ ก็อยู่ในแถบเกษตรฯ-นวมินทร์ และอ่อนนุช แต่เมื่อโอกาสมา "เมกะโปรเจ็กต์" ก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่น่าสนใจ จะได้หรือเปล่ายังไม่รู้ ต้องรอวัดดวง
|
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 26-01-2549
|
|
|
|
|